
เมื่อพูดถึงการดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าแรกๆ ของ Google เชื่อว่าหนึ่งในวิธีที่หลายๆ ท่านพูดถึงกันมักจะมีเรื่อง “Link Building” เข้ามาด้วยเสมอ หากเป็นนักการตลาดที่คลุกคลีเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์มานานจะต้องเข้าใจคำนี้อย่างแน่นอน ! แต่ถ้าเป็นนักการตลาดมือใหม่แกะกล่องล่ะ เจอคำนี้ไปอาจจะเกิดคำถามขึ้นมาแน่ๆ ว่า Link Building คืออะไร ? เหมือนหรือต่างจากการทำ Backlink ทั่วไปไหม ? ใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ Digital Factory เราหาคำตอบของเรื่องนี้มาให้คุณแล้ว !

Link Building คืออะไร ? คำถามคาใจของใครหลายๆ คน
Link Building คือ การเชื่อมโยงเว็บไซต์อื่นๆ มายังเว็บไซต์ของเราผ่านวิธีการสร้างที่เรียกว่า “Backlink” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงและความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ โดยการทำแบบนี้จะแตกต่างจากการทำ Backlink ทั่วไป เนื่องจากเป็นการทำ Backlink ผ่านเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการลิงก์จากรูป การแชร์หน้าเว็บไซต์ บล็อกส่วนตัว หรือเว็บไซต์พาร์ทเนอร์ เป็นต้น
ซึ่งประโยชน์ของ Link Building นั้น นอกจากจะทำให้เว็บไซต์ของเราดูน่าเชื่อถือขึ้นแล้ว ยังส่งผลต่อการจัดอันดับบนหน้าค้นหาของ Search Engine โดยตรงอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google คุณต้องมุ่งเน้นไปที่ Backlink คุณภาพ เลือกเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ มี Domain Authority สูง เพื่อลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ

เคล็ดไม่ลับ กับ 5 วิธีทำ Link Building (Backlink) เพิ่ม Rank แบบปังๆ
จากข้อความข้างต้น คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า Link Building สำคัญอย่างไรต่อการทำ SEO เมื่อคุณทราบเกี่ยวกับความสำคัญของมันมากขึ้นแล้ว ก็มาสู่วิธีทำ Link Building กันดีกว่า บอกเลยว่าหากทำได้ตามนี้ อันดับของคุณบนหน้า Search Engine ของ Google จะต้องอยู่ในหน้าแรกๆ อย่างแน่นอน !
1. นำบทความไปลงบนเว็บไซต์อื่น หรือทำพาร์ทเนอร์เว็บไซต์
เป็นการนำบทความหรือเนื้อหาที่คุณสร้างไปลงเว็บบอร์ดหรือเว็บไซต์อื่นผ่านการทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนคอนเทนต์กับเว็บไซต์พาร์ทเนอร์กัน สำหรับวิธีนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมาก เนื่องจากมีผลต่อความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์โดยตรง เพราะถ้าเว็บไซต์ที่คุณนำลิงก์ไปวางยังเว็บไซต์ดูไม่น่าเชื่อถือในสายตาของ Google หรือมีเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณแล้วละก็ แทนที่จะส่งผลดี อาจเกิดผลร้ายมากกว่าที่คิดได้ โดยเว็บไซต์ที่คุณจะเลือกใช้ต้องมี 2 องค์ประกอบนี้
มีค่า Domain Authority (DA) ในระดับที่สูง
มีเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน
2. สร้างเนื้อหาคุณภาพเพื่อให้เว็บไซต์อื่นอ้างอิง
สำหรับวิธีนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นวิธีที่ช้าแต่ชัวร์ เพราะนอกจากจะทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์คุณภาพดีที่มีเนื้อหาแบบสุดปังแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์อื่นนำเนื้อหาของคุณไปอ้างอิง แล้ววางลิงก์เพื่อย้อนกลับมาหาเว็บไซต์อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพสูง แถมยังเพิ่ม Traffic ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่างหาก
3. ใช้บริการเว็บไซต์ PR
สำหรับวิธีนี้อาจจะคล้ายๆ กันกับการทำพาร์ทเนอร์เว็บไซต์ แต่แตกต่างกันที่ พาร์ทเนอร์เว็บไซต์จะเป็นการแลกเปลี่ยนคอนเทนต์กันเฉยๆ ไม่ต้องจ่ายเงิน ส่วนบริการเว็บไซต์ PR คือการเสียเงิน โดยคุณสามารถติดต่อหาเว็บไซต์ PR หรือเว็บบอร์ดที่มีชื่อเสียงเพื่อทำการตกลงนำบทความหรือเนื้อหาไปลง แล้ววางลิงก์เพื่อย้อนกลับมาหาเว็บไซต์หลักของตัวธุรกิจ
4. สร้าง Anchor Text
การสร้าง Anchor Text หรือ ตัวอย่างข้อความ เป็นอะไรที่สำคัญมากแต่มักจะถูกละเลยอยู่บ่อยครั้ง โดย “Anchor Text” จะทำหน้าที่เป็นตัวอยางเนื้อหาที่จะแสดงบนลิงก์ว่ามีความเกี่ยวข้องและสื่อความหมายอะไร ยิ่ง Anchor Text มีความเกี่ยวข้องและสื่อความหมายชัดเจนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ Link Building มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
5. ทำ Do Follow หรือ No Follow
หลังจากที่คุณทำเว็บไซต์และได้รับ Backlink กลับมาจากเว็บไซต์อื่นๆ แล้ว อย่าลืมกรองด้วยว่าเว็บไซต์เหล่านั้นมีคุณภาพ มีเนื้อหาเกี่ยวโยงกับเว็บไซต์ของคุณไหม จะได้เขียนโค้ดเพื่อส่งขึ้นบนเว็บไซต์ให้เครื่องมือค้นหาติดตามหรือไม่ติดตามด้วยคำสั่งพิเศษ 2 ชนิด ได้แก่ Dofollow และ Nofollow
โดยคำสั่ง Dofollow นั้น ควรทำกับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาตรงกับเว็บไซต์ของคุณ และมีประโยชน์ต่อการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหา เพื่อที่เว็บไซต์ของคุณจะได้รับการจัดอันดับค้นหามากยิ่งขึ้น และอย่าลืมติดโค้ด
<a href=”URL” rel=dofollow>textlink</a>
เพื่อที่เครื่องมือค้นหาจะได้ติดตามลิงก์ที่มีคุณภาพต่อไป
ส่วนคำสั่ง Nofollow ควรทำกับเว็บไซต์ที่ส่ง Backlink กลับมาหาเว็บไซต์ของคุณแต่ไม่มีความเกี่ยวข้องและไม่เป็นประโยชน์ต่อการทำ SEO เนื่องจากเว็บไซต์เหล่านี้จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพต่ำลง เช่น ลิงก์บนคอมเมนต์โซเชียลมีเดียต่างๆ ลิงก์ Affiliate ฯลฯ ด้วยการติดโค้ด
<a href=”URL” rel=nofollow>textlink</a>
บทสรุป
และนี่ก็คือสาระดีๆ เกี่ยวกับ Link Building ที่เรานำมาฝากคุณในวันนี้ อย่าลืมว่า Link Building คือ การสร้างลิงก์เพื่อเชื่อมโยงกับหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องผ่านการทำ Backlink เพื่อให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด ซึ่งการทำ Backlink เองก็ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการกรองเว็บไซต์ที่ผ่านเข้ามาด้วย ใครที่กำลังมีปัญหาในการทำ SEO เขียนคอนเทนต์แล้วไม่มีคนอ่าน สร้างลิงก์ไปเท่าไหร่อันดับก็ไม่ขึ้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง Digital Factory Agency พร้อมให้ความช่วยเหลือ เพราะที่นี่เราให้บริการงานด้านการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบรวมถึงบริการรับทำ Backlink เพียงแค่คุณติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษา คลิก ที่นี่