เริ่มต้นสร้างรายได้ออนไลน์ด้วย Affiliate Marketing ง่าย ๆ ไม่ง้อทุน

วางแผนกลยุทธ์การตลาด
เริ่มต้นสร้างรายได้ออนไลน์ด้วย Affiliate Marketing

 

จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถหารายได้จากการ “ช่วยขายสินค้าออนไลน์” โดยไม่ต้องสต็อกสินค้าแบบตัวแทนจำหน่ายทั่วๆ ไป ไม่ต้องควักกระเป๋าลงทุนด้วยตัวเอง เพียงแค่นำลิงก์สินค้ามาโปรโมตผ่านช่องทางของตัวเอง ถ้าหากมีคนกดสั่งซื้อก็รับส่วนแบ่งไปเลยทันที !

 

บทความนี้ Digital Factory จะพาทุกคนไปรู้จักกับ Affiliate Marketing” การตลาดออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยม เพราะสร้างผลประโยชน์ให้ทั้งกับเจ้าของสินค้าและคนช่วยโปรโมตแบบ Win-Win

 



Affiliate Marketing คืออะไร

Affiliate Marketing คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้นายหน้าหรือตัวแทนช่วยโปรโมตสินค้าหรือบริการ โดยที่ตัวแทนโปรโมตสินค้าไม่ต้องลงทุนเอง ไม่ต้องสต็อกสินค้า และไม่ต้องส่งสินค้าด้วยตัวเอง เพียงแค่ใช้ช่องทางออนไลน์ในการลงโปรโมตสินค้า เช่น Facebook, X, Tiktok หรือผ่านเว็บไซต์ เป็นต้น

 

เมื่อมีคนสนใจและกดคลิกเข้าไปซื้อสินค้าจากลิงก์โปรโมตของตัวแทน นอกจากร้านค้าจะขายของได้แล้ว ตัวแทนยังจะได้รับส่วนแบ่งจากขายสินค้านั้นด้วย หรือที่เรียกกันว่า “ค่าคอมมิชชัน” โดยอาจให้ส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซนต์จากยอดขาย ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 1-20 เปอร์เซ็นต์ หรือให้เป็นค่าจ้างช่วยโปรโมตก็ได้

 



Affiliate Marketing คืออะไร

โมเดลของการทำ Affiliate Marketing ประกอบด้วยอะไรบ้าง

  • Merchant ร้านค้าหรือเจ้าของสินค้า  

  • Publisher นายหน้าหรือตัวแทนโปรโมตสินค้า

  • Customer ลูกค้าที่สนใจซื้อสินค้า

ข้อดีการทำ Affiliate Marketing สำหรับเจ้าของสินค้า

  • มีคนช่วยโปรโมตสินค้า

  • ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น

  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณา

ข้อดีของการเป็นตัวแทนหรือนายหน้า Affiliate Marketing

  • ได้รับส่วนแบ่งจากยอดขายเป็นค่าตอบแทน ยิ่งขายได้มากก็ยิ่งได้รับค่าคอมมิชชันเยอะ

  • ไม่ต้องลงทุนหรือสต็อกสินค้าด้วยตัวเอง

  • ไม่ต้องกังวลเรื่องบริการหลังการขาย

ตัวอย่างการทำ Affiliate Marketing ในไทยที่หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น Lazada Affiliate ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม E-Commerce ขนาดใหญ่ มีสินค้าหลากหลายหมวดหมู่ เปิดให้บุคคลทั่วไปหรืออินฟลูเอนเซอร์ รวมไปถึงผู้ประกอบการและร้านค้า สามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมเพื่อโปรโมตสินค้า โดยนำลิงก์สินค้าจากใน Lazada ไปสร้างเป็นลิงก์สำหรับ Affiliate Marketing แล้วนำไปโปรโมตผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ

 



การทำ Affiliate Marketing โดยเลือกกลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ

ในการทำ Affiliate Marketing ให้ประสบผลสำเร็จ ไม่ใช่แค่การนำสินค้ามาแปะลิงก์แล้วรอให้คนกดสั่งซื้อเพียงเท่านั้น แต่อาจต้องมีการวางแผน วางกลยุทธ์กันซักหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเลือกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก ยืนยันได้จากข้อมูลบนเว็บไซต์ Demand Sage พบว่า 95% ของคนที่ทำ Affiliate Marketing ไม่สำเร็จ นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่เข้าใจการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมนั่นเอง

 

โดยช่วงแรกของการเริ่มทำ Affiliate Marketing แนะนำให้โฟกัสไปที่ Niche Market เป็นหลัก แล้วเพราะอะไรคนกลุ่มนี้จึงสำคัญ มาหาคำตอบไปพร้อมกัน !

 



การทำ Affiliate Marketing โดยเลือกกลุ่มเป้าหมาย

Niche Market คืออะไร ทำไมถึงเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการทำ Affiliate Marketing

Niche Market คือ กลุ่มเป้าหมายเล็กๆ หรือตลาดเฉพาะกลุ่ม เป็นส่วนหนึ่งของ Mass Market (กลุ่มตลาดใหญ่) เป็นกลุ่มที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง มีความสนใจเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง นับว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของการทำ Affiliate Marketing มากที่สุด เพราะกลุ่มคนเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกสินค้าและบริการมาโปรโมตได้อย่างเหมาะสม ยิ่งเลือกสินค้ามาโปรโมตได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากเท่าไหร่ โอกาสในการขายสินค้าและได้รับค่าคอมมิชชันก็มีมากขึ้นเท่านั้น 

 

ยกตัวอย่าง Niche Market เช่น แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงมักจะทำเสื้อผ้าไซส์ S-XL เพราะเป็นไซส์มาตรฐาน ขายได้ปริมาณมาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีสาวพลัสไซส์ต้องการเสื้อผ้าที่ใหญ่กว่าไซส์ XL เป็นกลุ่มตลาดเล็กๆ ซ่อนอยู่ด้วย ในกรณีนี้สาวพลัสไซส์จึงนับเป็น Niche Market ในกลุ่มตลาดเสื้อผ้าผู้หญิงนั่นเอง   

 

อย่างไรก็ตาม การเลือกกลุ่ม Niche Market เพื่อทำ Affiliate Marketing ควรเลือกให้ตรงกับความสนใจและความถนัดของตัวคุณเองด้วย เพราะจะช่วยต่อยอดในการทำคอนเทนต์และเลือกสินค้าเพื่อโปรโมตได้ง่ายกว่าสินค้าที่ไม่ถนัด เมื่อคุณทำคอนเทนต์ได้น่าสนใจ ขายของได้เยอะ ก็ยิ่งทำให้มีความน่าเชื่อถือ และยังสร้างรายได้จากการทำ Affiliate ได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

 

Niche Market ที่เหมาะกับการทำ Affiliate Marketing

ข้อมูลบนเว็บไซต์ CHEQ ได้รวบรวมกลุ่ม Niche Market ที่เหมาะกับการทำ Affiliate Marketing และคาดว่าน่าจะทำกำไรได้สูงสุดในปี 2024 ไว้ทั้งหมด 7 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่

 

1. บริการด้านซอฟต์แวร์และสินค้าเทคโนโลยี

ตัวอย่างสินค้า : อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, แกดเจ็ต, ซอฟต์แวร์หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ AI

 

2. การดูแลสุขภาพ 

ตัวอย่างสินค้า : อาหารเสริมหรือวิตามิน, สินค้าหรือบริการที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูร่างกาย เช่น ซาวน่า, อุปกรณ์ความเย็นบำบัด (Cryotherapy)

 

3. การเงินและการลงทุน

ตัวอย่างสินค้า : แอปจัดการการเงินหรือทำงบประมาณ, คริปโตเคอร์เรนซี และเทคโนโลยีบล็อกเชน, คอร์สเรียนที่เกี่ยวกับการเงิน

 

4. การศึกษาและ E-Learning

ตัวอย่างสินค้า : คอร์สเรียนเกี่ยวกับธุรกิจและการจัดการ, ศิลปะและการออกแบบ, การพัฒนาตนเอง และคอร์สเกี่ยวกับ Tech skills

 

5. การท่องเที่ยว

ตัวอย่างสินค้า : บริการรถเช่า, แพ็กเกจทัวร์, ประกันการเดินทาง, กระเป๋าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการเดินทาง

 

6. แม่และเด็ก

ตัวอย่างสินค้า : ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก, หนังสือและหลักสูตรการเลี้ยงดูบุตร, ของเล่นเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้, เครื่องมือสำหรับติดตามพัฒนาการเด็ก

 

7. ความสวยความงามและแฟชั่น

ตัวอย่างสินค้า : สกินแคร์บำรุงผิว, เครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์ความงามที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ, เสื้อผ้า โดยเน้นไปที่กลุ่มพลัสไซส์ และเสื้อผ้าแฟชั่น Unisex ไม่แบ่งเพศ

 



บทสรุป

ถ้าหากใครกำลังวางแผนหารายได้จากการเป็นนายหน้าหรือตัวแทน Affiliate Marketing อาจเริ่มจากการเลือกสินค้าที่ตัวเองถนัดหรือสิ่งที่สนใจจากทั้ง 7 กลุ่ม Niche Market ตามที่กล่าวถึงด้านบนได้เลย เพราะยังสร้างยอดขายและทำรายได้อย่างต่อเนื่องในปี 2024 อย่างแน่นอน จะเห็นได้ว่า การทำ Affiliate Marketing นับว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่น่าสนใจในยุคนี้ เจ้าของสินค้าและแบรนด์มีโอกาสขายของได้มากขึ้น นายหน้าหรือตัวแทนก็มีโอกาสสร้างรายได้ออนไลน์ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินลงทุนด้วย

 

และสำหรับเจ้าของสินค้าที่อยากสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขายด้วยการทำ Affiliate Marketing หรือสนใจทำกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ สามารถปรึกษา Digital Factory ได้ทันที ที่นี่มีบริการ รับทำการตลาดออนไลน์ โดยผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ

แชร์ :

บทความอื่นๆ

สวัสดี!,

พร้อมสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกันหรือยัง?
ถึงเวลาทำให้ไอเดียกลายเป็นจริง!

มาวางแผน ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และพุ่งสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน!