‘การลงทุน’ เปรียบเสมือนการปลูกเมล็ดพืช ส่วน ‘ROI’ คือ ผลผลิตที่คุณจะได้รับจากการปลูก ดังนั้น การลงทุน และ ROI นับเป็นสองสิ่งที่เคียงคู่กันมาเสมอ เพราะการลงทุนที่ดีจะต้องให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ส่วน ROI จะเป็นตัวเลขที่บอกให้คุณทราบว่าการลงทุนของคุณนั้นประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด
บทความนี้ ดิจิทัล แฟคทอรี่ จะมาเจาะลึกเรื่อง ROI กันให้มากขึ้น เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่า ROI คืออะไร และสำคัญกับการลงทุนอย่างไร ไปดูกันเลย !
ROI คืออะไร ?
ROI ย่อมาจาก Return on Investment ซึ่ง ROI หมายถึง ตัวเลขที่ใช้วัดประสิทธิภาพของการลงทุนทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่การสร้างเว็บไซต์ ตัวเลขนี้จะบอกว่าเงินที่คุณลงทุนไปนั้นได้ผลตอบแทนกลับมาเท่าไหร่ และคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่แบกรับหรือไม่
ปัจจัยภายใน – ภายนอกที่ส่งผลต่อ ROI ของเว็บไซต์
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ROI มีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกองค์กร ฉะนั้น การทำความเข้าใจและบริหารจัดการปัจจัยเหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจของคุณได้
ปัจจัยภายในที่ส่งผลต่อ ROI ของเว็บไซต์
1. คุณภาพของเว็บไซต์
-
การออกแบบ : เว็บไซต์ที่สวยงาม ใช้งานง่าย และสอดคล้องกับแบรนด์ จะดึงดูดผู้เข้าชมและสร้างประสบการณ์ที่ดี
-
เนื้อหา : เนื้อหาที่มีคุณภาพ น่าสนใจ และตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและการกลับมาเยี่ยมชมซ้ำ
-
ความเร็วในการโหลด : เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะช่วยให้ผู้เข้าชมอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้นและลดอัตราการตีกลับ
2. กลยุทธ์ทางการตลาด
-
SEO : การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาของ Google จะช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์แบบฟรี
-
Social media marketing : การใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมตเว็บไซต์ จะช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
-
Google Ads : การใช้โฆษณาออนไลน์ จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด
3. การวิเคราะห์ข้อมูล
-
Google Analytics : ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อติดตามพฤติกรรมของผู้เข้าชม และปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีขึ้น
-
การทดลอง A/B testing : ใช้ทดลองเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบต่างๆ บนเว็บไซต์เพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุด
4. ประสบการณ์ของผู้ใช้
-
ความง่ายในการใช้งาน : เว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายจะช่วยให้ผู้เข้าชมค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
-
การสนับสนุนลูกค้า : การมีช่องทางในการติดต่อและให้ความช่วยเหลือลูกค้าจะสร้างความพึงพอใจและความไว้วางใจได้
ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อ ROI ของเว็บไซต์
1. คู่แข่ง
การแข่งขันในตลาดออนไลน์สูงมาก การที่คู่แข่งมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดีกว่า อาจส่งผลต่อผลตอบแทนของคุณ
2. เทคโนโลยี
การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เช่น แอปพลิเคชันใหม่ๆ หรืออุปกรณ์ใหม่ๆ อาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค
3. กฎหมายและข้อบังคับ
กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายเกี่ยวกับการค้าออนไลน์ อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจออนไลน์
4. สภาพเศรษฐกิจ
สภาพเศรษฐกิจโดยรวมก็มีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
ทำไม ROI ถึงสำคัญกับเว็บไซต์ ?
-
ROI คือตัวช่วยสำคัญในการประเมินความสำเร็จของเว็บไซต์ได้อย่างชัดเจนว่าบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ เช่น การเพิ่มยอดขาย การสร้างแบรนด์ หรือการเพิ่มจำนวนลูกค้า และในกรณีที่ ROI สูง นั่นแสดงว่าการลงทุนในเว็บไซต์นั้นคุ้มค่าและคุณสามารถเพิ่มงบประมาณในการลงทุนได้ แต่หาก ROI ต่ำ ก็อาจต้องมีการปรับกลยุทธ์หรือลดงบประมาณในส่วนที่ไม่เกิดผล
-
ROI ช่วยให้คุณทราบว่าส่วนใดของเว็บไซต์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และส่วนใดที่ควรปรับปรุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดออนไลน์
-
ROI ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ เพราะเมื่อคุณต้องนำเสนอผลการดำเนินงานให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น นักลงทุน หรือผู้บริหาร การใช้ตัวเลข ROI ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากเป็นตัวเลขที่ชัดเจนและเชื่อถือได้นั่นเอง
ROI สูตรคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน
ROI = (กำไรสุทธิจากการลงทุน / จำนวนเงินที่ลงทุน) x 100
ตัวอย่างวิธีคิด ROI
สมมติว่าคุณลงทุนในหุ้น 200,000 บาท และหนึ่งปีต่อมาหุ้นของคุณมีมูลค่า 250,000 บาท แสดงว่าคุณได้กำไร 50,000 บาท ดังนั้น ROI ของคุณคือ
ROI = (50,000 / 200,000) x 100 = 25%
ROI เท่าไหร่ถึงจะดี ?
การประเมินว่า ROI เท่าไหร่ถึงจะดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นประเภทของการลงทุน ระยะเวลาในการลงทุน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล
-
ประเภทของการลงทุน : การลงทุนในหุ้น อาจมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน ในขณะที่การลงทุนในพันธบัตร อาจมีความเสี่ยงต่ำ แต่ผลตอบแทนก็อาจจะต่ำตามไปด้วย
-
ระยะเวลาในการลงทุน : การลงทุนระยะยาว มักจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนระยะสั้น
-
ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ : นักลงทุนแต่ละคนมีความสามารถในการรับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน บางคนอาจยอมรับความเสี่ยงสูงเพื่อแลกกับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ในขณะที่บางคนอาจต้องการความมั่นคงมากกว่า
-
เป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล : เป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องการเงินเพื่อเกษียณอายุ บางคนอาจต้องการเงินเพื่อซื้อบ้าน หรือเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ
ฉะนั้น จึงไม่มีค่า ROI ที่ตายตัวว่าเท่าไหร่ถึงจะดี แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ROI ที่ได้นั้นต้องสอดคล้องกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้นั่นเอง
บทสรุป
ทั้งนี้ การประเมิน ROI อาจเป็นเรื่องซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการวัดผลและเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน ทีมงาน Digital Factory พร้อมให้บริการปรึกษาเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกบาททุกสตางค์ที่ลงทุนไป จะสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับธุรกิจของคุณ